โดยปกติแล้วสัปดาห์ต้นเดือนเมษยนที่คนไทยและอีกหลายประเทศที่อยู่ในแนวเส้น
Latitude หรือคือในแนวซ้ายขวาของประเทศไทยเราจะได้พบกับฤดูร้อนที่เล่นงานให้บิลค่าไฟฟ้าของเราพุ่งเพราะระดมเปิดเครื่องปรับอากาศกัน
แต่ปี 2565 นี้มีอะไรให้คนไทยตื่นเต้นกันเพราะเกิดฝนตกและอุณหภูมิลดลงจนอยู่ในเกณฑ์หนาว
กรมอุตุนิยมวิทยาได้กำหนดเกณฑ์อากาศหนาวไปจนถึงอากาศเย็นไว้ดังนี้
- อากาศเย็น (cool) อุณหภูมิตั้งแต่ 18.0 – 22.9 องศาเซลเซียส
- อากาศค่อนข้างหนาว (moderately cold) อุณหภูมิตั้งแต่ 16.0 – 17.9 องศาเซลเซียส
- อากาศหนาว (cold) อุณหภูมิตั้งแต่ 8.0 – 15.9 องศาเซลเซียส
- อากาศหนาวจัด (very cold) อุณหภูมิตั้งแต่ 7.9 องศาเซลเซียสลงไป
ส่วนอากาศร้อนที่เราคุ้นเคยได้ถูกกรมอุตุนิยมวิทยากำหนดเกณฑ์ไว้ดังนี้
อากาศร้อน (hot) อุณหภูมิตั้งแต่ 35.0 – 39.9 องศาเซลเซียส และ
อากาศร้อนจัด (very hot) อุณหภูมิตั้งแต่ 40.0 องศาเซลเซียสขึ้นไป
อากาศหนาวในประเทศไทยเราส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์เพราะได้รับอิทธิพลความกดอากาศสูงจากประเทศจีน
ความกดอากาศสูงหรือบริเวณความกดอากาศสูง (high pressure area) หรือแอนตี้ไซโคลน (Anticyclone) คือบริเวณที่มีความความกดอากาศสูงกว่าบริเวณใกล้เคียงที่อยู่รอบๆในแผนที่อากาศ
เป็นบริเวณที่มีความกดอากาศสูงจากขอบนอกเข้าสู่ศูนย์กลาง
บริเวณนี้จะมีกระแสลมพัดออกจากศูนย์กลางในทิศทางตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือและในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้
การเคลื่อนไหวของอากาศรอบศูนย์กลางบริเวณความกดอากาศสูงนี้เรียกว่า Anticyclonic Circulation
ภาพประเทศไทยอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรที่แทนด้วยเส้นสีแดง (ภาพจาก https://latitudelongitude.org/th/songkhla/) |
ประเทศไทยอยู่สูงกว่าเส้นศูนย์สูตรขึ้นมาเล็กน้อยจึงได้รับอิทธิพลแบบซีกโลกเหนือ
ทางตะวันออกของบริเวณความกดอากาศสูงจะมีอากาศเย็นที่ผิวพื้นและเป็นลมฝ่ายเหนือพัดผ่านเรียกบริเวณความกดอากาศสูงนี้ว่า
cold high ส่วนทางด้านตะวันตกอากาศจะค่อนข้างร้อนและเป็นฝ่ายลมใต้พัดผ่านเรียกบริเวณความกดอากาศสูงนี้ว่า
warm high บริเวณความกดอากาศสูงแผ่ลงมาเมื่อไหร่อากาศจะหนาวเย็น
ความกดอากาศมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิในลักษณะสวนทางกันคือเมื่ออุณหภูมิสูงความกดอากาศจะต่ำ
เมื่ออุณหภูมิต่ำความกดอากาศจะสูง
ภาพจาก http://tairgle.egat.co.th/ |
ประเด็นที่ฮือฮากันมากกับอากาศหนาวครั้งนี้ได้มีการกล่าวถึงปรากฏการณ์
Polar vertex ขึ้นมา องค์กร Greenpeace และ National
Oceanic and Atompheric Administration ได้อธิบายว่าเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศแปรปรวนที่เกี่ยวข้องโดยตรงและเป็นผลกระทบที่เกิดการที่อุณภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น
อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้น
จนกระทั่งน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็วและกระแสลมสนที่เรียกว่า Polar Vortex ไม่สมดุลได้พัดพาเอาอากาศเย็นจากน้ำแข็งที่ละลายไปยังภูมิภาคอื่นของโลกด้วย
ตามธรรมชาติแล้ว Polar vortex คือลมขั้วโลก
เป็นกระแสลมที่มีความรุนแรงแต่ไม่ใช่พายุ มีทิศทางหมุนทวนเข็มนาฬิกาวนรอบเหรืออาร์กติกราว
มีขนาดกว้างราว 50 กิโลเมตร มีบทบาทในการเก็บรักษาลมเย็นไว้ที่ภูมิภาคอาร์กติกและไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้าไปในภูมิภาคนี้
ดังนั้นมันเปรียบเสมือนกำแพงลมที่กันอาณาเขตระหว่างอากาศเยือกแข็งของอาร์กติกกับอากาศอุ่นรอบ
Latitude ไม่ให้ไปมาหากันได้
นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายมีความสัมพันธ์กับการเกิดปรากฏการณ์
Polar vortex ด้วยการไปรบกวนทำให้เสียสมดุลแล้วทำให้กำแพงลมนี้แยกตัวออกเป็นหลายๆสาย
ทำให้ความเย็นของอาร์กติกหลุดลอดออกมากระจายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆที่อยู่ใต้ลงมา นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ชี้ว่าปรากฏการณ์
Polar vortex เป็นการเตือนภัยธรรมชาติอันรุนแรงที่จะเกิดกับโลกของเราด้วยสาเหตุที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ในการทำลายธรรมชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม
ภาพจาก https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9650000032227 |
กล่าวถึงอาร์กติกมาเยอะแล้วก็มาทำความรู้จักกันเพิ่มอีกสักนิดนึง
คำว่าอาร์กติกมาจากภาษากรีกโบราณซึ่งมีความหมายหมีและยังอ้างอิงไปถึงกลุ่มดาวหมีใหญ่และหมีเล็กที่อยู่ใกล้กับดาวเหนือด้วย
มันเป็นพื้นที่ในบริเวณขั้วโลกเหนือมีพื้นที่กว้างทั้งผืนดินและผืนน้ำมหาสมุทรที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
มีความหนาวเหน็บมากและสภาพธรรมชาติอันโหดร้ายแต่ก็ยังมีมนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ประกอบไปด้วยพื้นที่บางส่วนของประเทศต่างๆเช่นประเทศแคนาดา,
กรีนแลนด์, ประเทศรัสเซีย, รัฐอลาสก้าประเทศสหรัฐอเมริกา, ประเทศไอซ์แลนด์,
ประเทศนอร์เวย์, ประเทศสวีเดน, ประเทศฟินแลนด์,
หมู่เกาะต่างๆที่อยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก และมหาสมุทรอาร์กติก
สุดท้ายนี้เมื่อวันที่ 3 เมษายน
2565 กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศชี้แจงทางเพจเฟซบุ๊คถึงสาเหตุที่สภาพอากาศแปรปรวนว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่ปรากฏการณ์
Polar vortex แต่เป็นผลมาจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน
แหล่งอ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/social/997219
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000032302
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น