คนออกกำลังกายแต่ละคนจะมีเป้าหมายเป็นของตัวเองเช่นหลายคนออกกำลังกายเพื่อตอบสนองความชอบหรือเพื่อสุขภาพทั่วไปมักจะออกกำลังกายเท่าที่สมรรถภาพทางกายจะทำได้ หลายคนออกกำลังกายเพื่อเข้าสังคมซึ่งเรามักจะนึกถึงกีฬากอล์ฟเป็นอันดับแรก หลายคนออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก หลายคนออกกำลังกายเพื่อพัฒนาสมรรภาพหรือเข้าร่วมการแข่งขัน เป็นต้น
สำหรับคนที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพทั่วไปและตามความชอบก็จะออกกำลังกายเองและมักจะไม่มองหาวิธีการหรือบุคคลมาผลักดันและกดดันให้ตัวเองมีสมรรถภาพเพิ่มขึ้น
แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวเฉพาะเช่นกอล์ฟ เทนนิส ฯลฯ
และคนที่มีเป้าหมายในการพัฒนาสมรรถภาพของตัวเองมักจะมองหาวิธีการและบุคลากรมาช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้นซึ่งมีคำเรียกหลายชื่อเช่น
personal trainer, ครู, หรือโค้ช เป็นต้น
การเรียกย่อๆว่า
PT หากหมายถึงตัวบุคคลจะแปลว่า Personal trainer ซึ่งเป็นโค้ชส่วนตัว และหากหมายถึงการทำงานจะแปลว่า Personal training
ซึ่งเป็นการฝึกสอนให้ส่วนตัว ถึงแม้ว่าจะมีคำว่า “ส่วนตัว”
แต่การออกกำลังกายบางประเภทก็สามารถรวมกลุ่มลงขันกันจ้างโค้ชมาสอนเป็นกลุ่มก็ได้
เช่นการวิ่งหรือการปั่นจักรยาน การรวมกลุ่มจ้างโค้ชมักจะเป็นกลุ่มนักกีฬาสมัครเล่น
แต่หากเป็นกลุ่มกีฬาอาชีพแล้วโดยเฉพาะกีฬาประเภทเดี่ยวเช่นกอล์ฟ เทนนิส ว่ายน้ำ การยกน้ำหนัก
มักจะจ้างโค้ชไว้เป็นการส่วนตัว
จะเห็นได้ว่า PT เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายหลายประเภทจัง
เส้นทางการเป็น PT เป็นมายังไง
PT ส่วนนึงจะเป็นผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาหรือ
Sports Science โดยพื้นฐานคนเหล่านี้จะได้รับการเรียนเกี่ยวกับการออกกำลังกายประเภทต่างๆ
การเคลื่อนไหวของการออกกำลังกายประเภทต่างๆ
การวางแผนโปรแกรมการฝึกซ้อมทั้งระยะสั้นและระยะยาว การใช้อุปกรณ์การออกกำลังกาย การทำงานของระบบในร่างกาย
กายวิภาคศาสตร์ เทคนิคการสอนและถ่ายทอดข้อมูล การบาดเจ็บทางการกีฬาและการออกกำลังกายในผู้ป่วย
ในหลักสูตรก็มีการเรียนในห้องเรียนและการฝึกงานตามสถานที่ต่างๆ ส่วนมากจะเป็นฟิตเนสและทีมกีฬา
แต่ปัจจุบันนี้ได้มีการเข้าไปฝึกงานในโรงพยาบาลบางแห่งบ้างแล้วซึ่งทำหน้าที่ในการออกแบบให้คำแนะนำในการออกกำลังกายกับผู้ป่วยบางประเภทภายใต้การดูแลของแพทย์
จนถึงการจัดชั่วโมงการออกกำลังกายให้กับผู้ป่วยและบุคลากรในโรงพยาบาลด้วย
ยกตัวอย่างเช่นการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวานที่ประกอบไปด้วยการยืดกล้ามเนื้อที่ถูกต้อง
การยกน้ำหนักเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกาย การออกกำลังกายแบบ aerobic
ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน
การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า หรือการเต้นแอโรบิค หรืออื่นๆ ส่งผลให้ PT ถูกจัดว่าเป็นบุคลากรทางสุขภาพแขนงหนึ่งไปแล้ว
ดังนั้น PT ที่จบปริญญาตรีมาสามารถทำงานได้ทั้งในโรงพยาบาล ในฟิตเนส ในทีมกีฬา
หรือการจ้างส่วนตัว
ตามเส้นทางวิชาการของ PT ปริญญาตรียังสามารถเรียนต่อในปริญญาโทและปริญญาเอกได้ในมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ จบมาแล้วก็ไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ให้กับบริษัทหรือองค์กรรัฐบาลต่างๆได้ เป็นนักวิชาการหรือครูอาจารย์ได้ หรือเป็น PT ก็ได้
ส่วน PT อีกส่วนนึงที่ไม่ได้จบปริญญาตรีมาตรงสายแต่เป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในกีฬาประเภทนั้นมาก่อนเช่นกอล์ฟ เทนนิส วิ่ง ไตรกีฬา ว่ายน้ำ ฟุตบอล เป็นต้น ไม่ต้องห่วงว่า PT กลุ่มนี้จะใช้แค่ประสบการณ์มาสอนเพราะปัจจุบันนี้เขามักจะไปอบรมและศึกษาเพิ่มเติมทำให้มีข้อมูลและความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักวิชาการมากขึ้น เราจะเจอคนกลุ่มนี้ตามประเภทกีฬาเท่านั้น จะไม่เจอในโรงพยาบาลเพราะไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการบาดเจ็บทางการกีฬาและการออกกำลังกายในผู้ป่วยเว้นเสียแต่จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
ส่วน PT
อีกส่วนนึงที่ไม่ได้จบทั้งปริญญาตรีและไม่ได้เป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จแต่หลงไหลในการออกกำลังกายประเภทนั้น
จะไปเรียนหลักสูตรใบประกาศระยะสั้นของสถาบันต่างๆเช่น ACE แล้วมาทำงานเป็นโค้ชซึ่งมีหลากหลายอาชีพทั้งที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์และไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์
ในวิชาชีพกายภาพบำบัดหรือ Physiotherapy นั้นเมื่อก่อนเราก็เรียกตัวเองย่อๆว่า PT แต่ปัจจุบันต้องขยับไปเรียกตัวเองว่า Physio เพื่อจะได้ไม่ทับซ้อนกับ Personal trainer ในหลักสูตรของกายภาพบำบัดได้บรรจุวิชาการออกกำลังกายเพื่อการรักษา (Therapeutic exercise) เป็นหลักสูตรหลักซึ่งมันก็เป็นเสาหลักอันหนึ่งที่ต้องนำมาใช้ในการทำงานของกายภาพบำบัด เมื่อสมัยเป็นนักศึกษาเราได้เรียนหลักการออกกำลังกายในกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บหรือเป็นอัมพาตเพื่อใช้ในการรักษา เรียนการออกกำลังกายในกลุ่มคนที่เป็นโรค NCDs ได้แก่เบาหวาน หัวไจ ความดันสูง โรคอ้วนลงพุง โรคมะเร็ง โรคถุงลงโป่งพอง โรคไขมันในเลือดสูง เพื่อแก้ไขการทำงานที่บกพร่องและส่งเสริมสุขภาพ เรียนการออกกำลังกายในผู้สูงอายุเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และน่าจะมีอย่างอื่นอีกที่ความจำเลือนลางเพราะไม่ได้ใช้ทำงานไปบ้างแล้ว เราต้องนำกลุ่มออกกำลังกายด้วย ถึงแม้ว่าเราจะถูกฝึกแบบนี้มาแต่นักกายภาพบำบัดหลายๆคนก็ไม่ได้สานต่องานส่วนนี้และเราไม่ได้ถูกฝึกให้วางแผนโปรแกรมการฝึกซ้อมแบบโค้ชด้วย ทำให้ทักษะการนำกลุ่มออกกำลังกายหรือการฝึกซ้อมนักกีฬาเรามีน้อยกว่า PT อย่างไรก็ตามนักกายภาพบำบัดจะมีทักษะในการออกกำลังกายเพื่อการรักษากล้ามเนื้อที่บาดเจ็บและเป็นอัมพาตสูงมาก
จักรวาลการออกกำลังกายและ PT กว้างใหญ่มาก อาจมีเนื้อหาตกหล่นไปบ้าง สามารถบอกกล่าวกันได้ครับ หากต้องการพัฒนาสมรรถภาพและผลงานทางการแข่งขันขอแนะนำว่าจ้าง PT ดีที่สุดครับ แต่หากบาดเจ็บกล้ามเนื้อขอแนะนำให้มาพบนักกายภาพบำบัดเพื่อซ่อมแซมและออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ก่อน แล้วค่อยกลับไปออกกำลังกายกับ PT ให้เต็มเหนี่ยวไปเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น